วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2554

มาปัดฝุ่นภาษาอังกฤษกันเถอะ

มาหมวดนี้ก็ Say hello กันซักนิด อิ_อิ ใครที่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยตรงอยู่แล้วถ้าผิดพลาดประการใดก็ช่วย Comment กันซักนิดนะ เพื่อจะได้มีการแก้ไขที่ถูกต้องนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของ Memory  เบื้องลึกของสมองที่ทุกวันนี้เกือบจะไม่ได้ใช้เลยก็ว่าได้ จนต้องเอาออกมาปัดฝุ่นใหม่ Let Go!!


เรื่องแรกที่เราจะนำมาเสนอก็คือเรื่องของ Tense ที่มีความสำคัญในการสร้างประโยค


    Tense (กาล) หมายถึงการลำดับเวลา ของกริยาในประโยค เพื่อบอกให้รู้ว่า พฤติการณ์การนั้นๆ เกิดขึ้นมื่อไร เช่น ได้เกิดขึ้นแล้ว, กำลังเกิดขึ้น หรือจะเกิดขึ้นในอนาคต


Tense จะสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ชนิด แต่ละชนิดจะแแบ่งออกเป็น 4 Tense ย่อยๆ


1.Present Tense (ปัจุบันกาล)
2.Past Tense (อดีตกาล)
3.Future Tense (อนาคตกาล)




ก่อนอื่นทำความเข้าใจตรงกันกับผู้เขียนก่อนเพื่อง่ายต่อการทำความเข้าใจกับเนื้อหา
1 = กริยาช่องที่ 1
2 = กริยาช่องที่ 2
3 = กริยาช่องที่ 3
1s = กริยาช่องที่ 1 เติม s
1 ing = กริยาช่องที่ 1 เติม ing


เรามาเริ่มที่ Present Tense กันก่อน สามารถแบ่งออกเป็น 4 Tense ย่อยๆดังนี้


1.1 Present Indefinite Tense (Present Simple หรือ Present Habitual Tense)
 ใช้แสดงพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่เสมอๆเป็นประจำปกตินิสัย


โครงสร้าง(Structure)

I, You, We, They และ ประธานที่เป็นพหูพจน์        ============>>     1


He, She, It และประธานที่เป็นเอกพจน์                  ============>>     1s


 ถ้ากริยาช่องที่ 1 ลงท้ายด้วย o, ss, sh, ch, x ต้องเติม es


 ถ้ากริยาช่องที่ 1 ลงท้ายด้วย y และหน้า y เป็นพยัญชนะ ให้เปลี่ยน y เป็น ies


 ถ้ากริยาช่องที่ 1  ลงท้ายด้วย y และหน้า y เป็นสระ ให้เปลี่ยน y เป็น s

Example

We get up six O'clock in the morning.
เราตื่นนอนเวลา 6 โมงเช้า

My nephew runs faster than I.
หลานชายของฉันวิ่งเร็วกว่าฉัน

That bird flies into the sky.
นกตัวนั้นบินสู่ท้องฟ้า

John pays 900 dollars for this new car.
จอห์นซื้อรถคันใหม่ราคา900ดอลลาร์



1.2 Present Continuous Tense (Present Progressive Tense)
ใช้แสดงถึงพฤติการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะที่พูดหรือกล่าวถึง


โครงสร้าง(structure)


I                                                                        ============>> am + 1 ing


You, We, They และ ประธานที่เป็นพหูพจน์    ============>> are +  1 ing


He, She, It และประธานที่เป็นเอกพจน์            ============>>  is   + 1 ing

Example

I am writing a letter to my uncle.
ฉันกำลังเขียนจดหมายถึงคุณลุงของฉัน

Those students are doing their homework.
นักเรียนเหล่านั้นกำลังทำการบ้าน

That farmer is drinking a full cup of milk.
ชาวนาคนนั้นกำลังดื่มนมที่มีอยู่เต็มถ้วย




1.3 Present Perfect Tense
ใช้แสดงถึงพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วและยังคงมีผลหรือภาวะนั้นเรื่อยๆ มาจนถึงปัจจุบัน


โครงสร้าง(structure)


I, You, We, They และ ประธานที่เป็นพหูพจน์ ============>> have  +   3


He, She, It และประธานที่เป็นเอกพจน์            ============>>  has    +   3



Example

I have been in this this village since 1986.
ฉันอยู่ในหมู่บ้านนี้ตั้งแต่ 1986

You have worked in this company for six years.
คุณทำงานในบริษัทนี้มา 6 ปี

She has given me a bunch of flower.
เขามอบช่อดอกไม้ให้ฉัน



1.4 Present Perfect Continuous Tense
ใช้แสดงถึงพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว และมีผลหรือภาวะนั้นยังคงดำเนินต่อเนื่องกันมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน


โครงสร้าง(struccture)


I, You, We, They และ ประธานที่เป็นพหูพจน์ ============>> have been +1 ing


He, She, It และประธานที่เป็นเอกพจน์            ============>> has been    +1 ing


Example


That dog has been lying there for three hours.
สุนัขตัวนั้นนอนอยู่ตรงนั้นนานสามชั่วโมงแล้ว

She has been singing that popular song since 8 a.m.
เขาร้องเพลงฮิตเพลงนั้นมาตั้งแต่ 8 โมง

Those children have been sleeping in that room for two hours.
เด็กเหล่านั้นนอนหลับในห้องนั้นนานสองชั่วโมงแล้ว

วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554

ความรู้เกี่ยวกับการใช้งาน Dos

1. DIR
เป็นคำสั่งในการเรียกดูชื่อและรายละเอียดแฟ้มข้อมูล (file) ในแผ่น
รูปแบบ
d: ระบุไดร์ฟของแผ่น
filename ชื่อแฟ้มข้อมูลที่ต้องการค้นหา
.ext ส่วนขยายของชื่อแฟ้มข้อมูลที่ต้องการค้นหา
/P แสดงทีละจอภาพ
/W แสดงเฉพาะรายชื่อ
ตัวอย่างคำสั่ง DIR
C:>DIR
C:>DIR WINDOWS
C:>DIR WINDOWS /P
C:>DIR WINDOWS /W
C:>DIR D:
C:>DIR WINDOWS*.EXE
C:>DIR t*.???


2. PROMPT
เป็นคำสั่งในการเปลี่ยนเครื่องหมายเตรียมพร้อม (DOS Prompt)
รูปแบบ
โดยใช้เครื่องหมาย $ นำหน้าอักษรต่อไปนี้
ตัวอย่างคำสั่ง PROMPT




C:>PROMPT $n (แสดงไดร์ฟ)
C:>PROMPT $g (แสดงเครื่องหมาย >)
C:>PROMPT $d$q (แสดงวันที่และตามด้วยเครื่องหมาย = )
C:>PROMPT $p$g (แสดงชื่อpathและตามด้วยเครื่องหมาย > )
โครงสร้างต้นไม้ (tree structure)


3. MD หรือ MKDIR
เป็นคำสั่งในการสร้างไดเรคทอรี เป็นคำย่อมาจาก MaKe DIRectory
รูปแบบ
ตัวอย่างเช่น
D:>MD SUB1
D:>MD SUB2
D:>MD SUB1SUB11




4. CD
เป็นคำสั่งในการย้ายการทำงานเข้าสู่ไดเรคทอรี เป็นคำย่อมาจาก Change Directory
รูปแบบ
ตัวอย่างเช่น
D:>CD SUB1
D: SUB1>CD SUB11


CD.. เป็นย้ายออกจากไดเรคทอรีปัจจุบัน 1 ขั้น


D:>CD SUB1SUB11
CD ย้ายกลับมาที่ root directory




5. RD
เป็นคำสั่งในการลบไดเรคทอรี ย่อมาจาก ReMove DIRectory
รูปแบบ


ตัวอย่างเช่น
D:>RD SUB2


6. TREE
เป็นคำสั่งในการขอดูโครงสร้างไดเรคทอรี
รูปแบบ
/F แสดงชื่อไฟล์ด้วย
ตัวอย่างเช่น
D:>TREE /F
D:>TREE SUB1




7. COPY CON
เป็นคำสั่งในการสร้างแฟ้มข้อมูล (โดยรับข้อมูลจากคีย์บอร์ด แล้วจบด้วย Ctrl+Z ตามด้วย Enter)
รูปแบบ
ตัวอย่างเช่น
D:>COPY CON SUB1test1.txt
พิมพ์ This is test




8. COPY
เป็นคำสั่งในการสำเนาแฟ้มข้อมูล
รูปแบบ
ตัวอย่างคำสั่ง COPY
D:>COPY SUB1test1.txt C:exam1.txt
สั่ง D:>DIR C:exam1.txt


D:>COPY C:exam1.txt C:exam2.txt
สั่ง D:>DIR C:


D:>COPY C:ex???.txt D:SUB1SUB11
สั่ง D:>DIR SUB1SUB11




9. REN
เป็นคำสั่งในการเปลี่ยนชื่อแฟ้มข้อมูล (ไฟล์ยังคงเก็บอยู่ที่เดิม)
รูปแบบ
ตัวอย่างเช่น
D:>REN SUB1test1.txt new.txt
สั่ง D:>DIR SUB1


D:>REN SUB1SUB11*.txt *.bat
สั่ง D:>DIR SUB1SUB11




10. DEL
เป็นคำสั่งในการลบแฟ้มข้อมูล DELย่อมาจาก DELete
รูปแบบ
ตัวอย่างเช่น
D:>DEL C:exam1.txt
สั่ง D:>DIR C:


D:>DEL SUB1SUB11?????.bat
สั่ง D:>DIR SUB1SUB11




11. TYPE
เป็นคำสั่งในการขอดูข้อมูลในไฟล์
รูปแบบ


ตัวอย่างเช่น
D:>TYPE SUB1new.txt


12. DATE
เป็นคำสั่งในการขอดูหรือแก้ไขวันที่ ตามรูปแบบ mm-dd-yy
รูปแบบ


13. TIME
เป็นคำสั่งในการขอดูหรือแก้ไขเวลา ตามรูปแบบ hh-mm[:ss[.xx]]
รูปแบบ




14. VER
เป็นคำสั่งในการขอดูเวอร์ชันของ DOS ที่ใช้
รูปแบบ


15. VOL
เป็นคำสั่งในการขอดูชื่อแผ่น (volume label)
และหมายเลขประจำแผ่นข้อมูล (serial number)
รูปแบบ




16. LABEL
เป็นคำสั่งในการขอดูหรือแก้ไขชื่อแผ่น
รูปแบบ


ตัวอย่างเช่น
D:>LABEL
พิมพ์ diligence


ตัวอย่างDOS การสร้างโครงสร้าง




1.ให้สร้างfileที่ชื่อTest ใน drive D โดยกำหนดให้มีข้อมูลเป็นดังนี้
LAB204105


คำสั่งที่ใช้ D:>COPY CON test
จบการป้อนข้อมูลด้วยการกด CTRL+Z แล้ว Enter




2.สร้างdirectory XXX
คำสั่งที่ใช้คือ D:>MD XXX


3.ย้ายการทำงานเข้าสู่ directory XXX
คำสั่งที่ใช้คือ D:>CD XXX




4.สร้างdirectory YYY
คำสั่งที่ใช้คือ D: XXX >MD YYY


5.ย้ายการทำงานเข้าสู่ directory YYY
คำสั่งที่ใช้คือ D: XXX >CD YYY




6.สร้างdirectory ZZZ
คำสั่งที่ใช้คือ D: XXXYYY>MD ZZZ


7.ย้ายการทำงานกลับไปยัง root directory
คำสั่งที่ใช้คือ D: XXXYYY>CD




8. สำเนาไฟล์ Test ไปไว้ใน directory YYY ใช้ชื่อ Test1
คำสั่งที่ใช้คือ D: >COPY Test XXXYYYTest1


9.แสดงโครงสร้างของ directory และ file ที่สร้างขี้นจากคำสั่ง DOS
คำสั่งที่ใช้คือ D: >TREE /F
----------------------------------------------
DOS และการใช้งานคำสั่งทั่วไป (Internal DOS Command)
คำสั่งทั่วๆ ไปของ DOS ที่จำเป็นแก่การติดตั้งระบบปฏิบัติการ รู้จักคำสั่งภายใน และภายนอก ไฟล์ไหนของ DOS ทำหน้าที่ไหน? สามารถใช้คำสั่งเหล่านี้ในการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้
ทำความรู้จักกับ DOS
การเข้าสู่ DOS
รูปแบบคำสั่งพื้นฐานของ DOS
Command line argument และ Switch ต่าง ๆ
การดู Help ของ คำสั่ง DOS
คำสั่งภายใน Command.com
คำสั่ง DIR
คำสั่ง Copy / Copy ไฟล์ , Copy ไฟล์พร้อมเปลี่ยนชื่อ , Copy ออก พอร์ตก็ได้ , copy กับ Console
คำสั่ง Move
คำสั่ง Delete, Del
คำสั่ง Type
คำสั่ง CD การเปลี่ยนตำแหน่ง Directory
คำสั่ง MD, RD , MKDIR, RMDIR
การเปลี่ยนไปทำงานกับ Drive ต่าง ๆ
คำสั่ง Ren, Rename
คำสั่ง DOS ภายนอก และ Software for DOS
วัตถุประสงค์ / คำสั่งภายนอกที่จำเป็นแก่การใช้งานในการติดตั้ง และวิเคราะห์โปรแกรมและ Hardware ทั่วๆ ไป คำสั่งเหล่านี้แยกต่างหากจาก Command.com จึงต้อง Copy ไฟล์เหล่านี้ไว้ก่อนใช้งาน
คำสั่ง DOS ต่าง ๆ เพิ่มเติม
คำสั่ง Deltree / ลบทีละ Directory
และไฟล์ที่จำเป็นต้องใช้ในการ Sys เช่น Sys.com , Command.com
คำสั่ง PATH / ช่วยให้เข้าถึงไฟล์ หรือโปรแกรมได้จากทุกที่
คำสั่ง Ver / ใช้ตรวจสอบ Version ของ DOS
คำสั่ง Type / ใช้แสดงข้อมูลในไฟล์
คำสั่ง Debug / ใช้ในการเปิดดู และแก้ระบบโปรแกรม
โปรแกรม Edit / Editor ตัวเก่งแถมมากับ DOS
โปรแกรม Scandisk / ตรวจซ่อม Disk บน DOS
คำสั่ง Diskcopy / สำหรับ Copy แผ่น Disk แบบแผ่นต่อแผ่น
คำสั่ง Xcopy / ลูกเล่นเหนือกว่า Copy ธรรมดา
คำสั่ง Mode / ปรับความเร็วในการสื่อสารผ่าน Port
คำสั่ง Attrib / สำหรับแก้ Attribute ของไฟล์
การเบรคคำสั่ง DOS ด้วย Ctrl+C


CD คำสั่งเข้า-ออก ในไดเร็คทอรี่
CD (Change Directory) เป็นคำสั่งที่ใช้ในการเปลี่ยนไดเร็คทอรี่ในโหมดดอส เช่น ถ้าต้องการรัน คำสั่งเกมส์ที่เล่นในโหมดดอส ซึ่งอยู่ในไดเร็คทอรี MBK ก็ต้องเข้าไปในไดเร็คทอรีดังกล่าวเสี่ยก่อนจึงจะรันคำสั่งเปิดโปรแกรมเกมส์ได้
รูปแบบคำสั่ง
CD [drive :] [path]
CD[..]
เมื่อเข้าไปในไดเร็คทอรีใดก็ตาม แล้วต้องการออกจากไดเร็คทอรีนั้น ก็เพียงใช้คำสั่ง CD เท่านั้นแต่ถ้าเข้าไปในไดเร็คทอรีย่อยหลาย ๆ ไดเร็คทอรี ถ้าต้องการออกมาที่ไดรว์ซึ่งเป็นระดับสูงสุด ให้ใช้คำสั่ง CD เพราะคำสั่ง CD.. จะเป็นการออกจากไดเร็คทอรีได้เพียงลำดับเดียวเท่านั้น
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง




CD
กลับไปที่ Root ระดับสูงสุด เช่น ถ้าเดิมอยู่ที่ C:>docsdata> หลังจากใช้คำสั่งนี้ก็จะย้อนกลับไปที่ C: >


CD..
กลับไปหนึ่งไดเร็คทอรี เช่น ถ้าเดิมอยู่ที่ C:windowscommand> หลังจากนั้น ใช้คำสั่งนี้ก็จะก็จะย้อนกลับไปที่ C:windows>


CHKDSK (CHECK DISK) คำสั่งตรวจเช็คพื้นที่ดิสก์
CHKDSK เป็นคำสั่งที่ใช้ในการตรวจสอบข้อมูลของหน่วยความจำ และการใช้งานดิสก์หรือฮาร์ดดิสก์ การรายงานผลของคำสั่งนี้จะเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ไดเร็คทอรี และ FAT ของดิสก์ หรือไฟล์ เพื่อหาข้อมผิดพลาดของการเก็บบันทึก ถ้า CHKDSK พบว่ามี Lost Cluster จะยังไม่แก้ไขใด ๆ นอกจากจะใช้สวิตซ์ /f กำหนดให้ทำการเปลี่ยน Lost Cluster ให้เป็นไฟล์ที่มีชื่อไฟล์เป็น FILE0000.CHK ถ้าพบมากกว่า 1 ไฟล์ อันต่อไปจะเป็น FILE0002.CHK ไปเรื่อย ๆ นอกจากนี้ยังสามารถรายงานปัญหาที่ตรวจพบได้อีก อย่างเช่น จำนวน Bad Sector , Cross-ling Cluster (หมายถึง Cluster ที่มีไฟล์มากกว่าหนึ่งไฟล์แสดงความเป็นเจ้าของ แต่ข้อมูลใน Cluster จะเป็นของไฟล์ได้เพียงไฟล์เดียวเท่านั้น)
รูปแบบคำสั่ง
CHKDSK [drive:][[path]filename] [/F] [/V]
[drive:][path] กำหนดไดรว์ และไดเร็ทอรีที่ต้องการตรวบสอบ
filename ชื่อไฟล์ที่ต้องการให้ตรวจสอบ
/F สั่งให้ Fixes Errors ทันทีที่ตรวจพบ
/V ขณะที่กำลังตรวจสอบ ให้แสดงชื่อไฟล์และตำแหน่งของดิสก์บนหน้าจอด้วย
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง


C:WINDOWS>CHKDSK D: ตรวจสอบข้อมูลการใช้งานดิสก์ในไดรว์ D
C:>CHKDSK C: /F ตรวจสอบ ไดรว์ C พร้อมกับซ่อมแซมถ้าตรวจเจอปัญหา


COPY คำสั่งคัดลอกไฟล์
Copy เป็นคำสั่งที่ใช้ในการคัดลอกไฟล์ จากไดเร็คทอรีหนึ่งไปยังไดเร็คทอรีที่ต้องการ คำสั่งนี้มีประโยชน์มากควรหัดใช้ให้เป็น เพราะสามารถคัดลอกไฟล์ได้ยามที่ Windows มีปัญหา
รูปแบบคำสั่ง
COPY [Source] [Destination]
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง


C:COPY A:README.TXT คัดลอกไฟล์ชื่อ README.TXT จากไดรว์ A ไปยังไดรว์ C
C:COPY README.TXT A: คัดลอกไฟล์ชื่อ README.TXT จากไดรว์ C ไปยังไดรว์ A
C:INFOCOPY A:*.* คัดลอกไฟล์ทั้งหมดในไดรว์ A ไปยังไดเร็คทอรี INFO ในไดรว์ C
A:COPY *.* C:INFO คัดลอกไฟล์ทั้งหมดในไดรว์ A ไปยังไดเร็คทอรี INFO ในไดรว์ C


DIR คำสั่งแสดงไฟล์และไดเร็คทอรีย่อย
เป็นคำสั่งที่ใช้แสดงรายชื่อไฟล์และไดเร็คทอรี คำสั่งนี้ถือเป็นคำสั่งพื้นฐานที่ต้องใช้อยู่เป็นประจำ เพื่อจะได้รู้ว่าในไดรว์หรือไดเร็คทอรีนั้น ๆ มีไฟล์หรือไดเร็คทอรีอะไรอยู่บ้าง
รูปแบบคำสั่ง
DIR /P /W
/P แสดงผลทีละหน้า
/W แสดงในแนวนอนของจอภาพ
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง


C:>DIR ให้แสดงรายชื่อไฟล์ และไดเร็คทอรีทั้งหมดในไดรว์ C
C:>DIR /W ให้แสดงรายชื่อไฟล์ และไดเร็คทอรีทั้งหมดในไดรว์ C ในแนวนอน
C:>INFODIR /P ให้แสดงรายชื่อไฟล์ และไดเร็คทอรีย่อยในไดเร็คทอรี INFO โดยแสดงทีละหน้า
C:>INFODIR *.TEX ให้แสดงรายชื่อไฟล์ทั้งหมดในไดเร็คทอรี INFO เฉพาะที่มีนามสกุล TXT เท่านั้น
C:> DIR BO?.DOC ให้แสดงรายชื่อไฟล์ในไดรว์ C ที่ขึ้นต้นด้วย BO และมีนามสกุล DOC ในตำแหน่ง ? จะเป็นอะไรก็ได้
DEL (DELETE) คำสั่งลบไฟล์
เป็นคำสั่งที่ใช้ในการลบไฟล์ ซึ่งต้องระมัดระวังในการใช้คำสั่งนี้ให้มาก
รูปแบบคำสั่ง
DEL [ชื่อไฟล์ที่ต้องการลบ]
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง


C:>DEL BOS.VSD ลบไฟล์ในไดรว์ C ที่ชื่อ BOS.VSD
C:>PROJECTDEL JOB.XLS ลบไฟล์ชื่อ JOB.XLS ที่อยู่ในไดเร็คทอรี PROJEC ของไดรว์ C
D:>DEL *.TXT ลบทุกไฟล์ที่มีนามสกุล TXT ในไดรว์ D


FDISK ( Fixed Disk)
เป็นไฟล์โปรแกรมที่ใช้ในการจัดการกับพาร์ติชั่นของฮาร์ดิสก์ ใช้ในการสร้าง ลบ กำหนดไดรว์ ที่ทำหน้าที่บูตเครื่อง แสดงรายละเอียดของพาร์ติชันบนฮาร์ดิสก์ จะเห็นว่าเป็นโปรแกรมอีกตัวหนึ่งที่ต้องทำความรู้จักและศึกษาวิธีใช้งาน เพราะสามารถใช้ประโยชน์ในการสร้าง ฮาร์ดดิสก์ให้มีหลาย ๆ ไดรว์ก็ได้
รูปแบบคำสั่ง
FDISK /STATUS
ตัวอย่างการใช้งานโปรแกรม


A:>FDISK เริ่มใช้งานโปรแกรม
A:>FDISK /STATUS แสดงข้อมุลเกี่ยวกับพาร์ติชันบนฮาร์ดดิสก์


FORMAT คำสั่งฟอร์แมตเครื่อง
เป็นคำสั่งใช้จัดรูปแบบของดิสก์ใหม่ คำสั่งนี้ปกติจะใช้หลังการแบ่งพาร์ชันด้วยคำสั่ง FDISK เพื่อให้สามารถใช้งานฮาร์ดดดดิสก์ได้ หรือฝช้ล้างข้อมูลกรณีต้องการเคลียร์ข้อมูลทั้งหมดในฮาร์ดิสก์
รูปแบบคำสั่ง
FORMAT drive: [/switches]
/Q ให้ฟอร์แมตแบบเร็ว ซึ่งจะใช้เวลาน้อยลง (Quick Format)
/S หลังฟอร์แมตแล้วให้คัดลอกไฟล์ระบบลงไปในไดรว์นั้นด้วย เพื่อให้ไดรว์ที่ทำการฟอร์แมตสามารถบูตได้
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง


A:>FORMAT C: /S ฟอร์แมตไดรว์ C แล้วให้คัดลอกไฟล์ระบบลงไปในไดรว์ด้วย
C:>FORMAT A: /Q ฟอร์แมตไดรว์ A แบบ Quick Format


MD คำสั่งสร้างไดเร็คทอรี
MD (Make Directory) เป็นคำสั่งที่ใช้ในการสร้างไดเร็คทอรี คำสั่งนี้จะช่วยให้สามารถสร้างไดเร็คทอรีชื่ออะไรก็ได้ที่เราต้องการ แต่ต้องมีการตั้งชื่อที่อยู่ในกฎเกณฑ์ของ Dos
รูปแบบคำสั่ง
MD [drive:] path
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง


D:> MD TEST สร้างไดเร็คทอรี TEST ขึ้นมาในไดรว์ D
D:>DOCMD TEST สร้างไดเร็คทอรีที่ชื่อ TEST ขึ้นมาภายในไดเร็คทอรี DOC


REN (RENAME) คำสั่งเปลี่ยนชื่อไฟล์
เป็นคำสั่งที่ใช้ในการเปลี่ยนชื่อไฟล์ และส่วนขยาย โดยคำสั่ง REN นี้ไม่สามารถใช้เปลี่ยนชื่อไดเร็คทอรีได้
รูปแบบคำสั่ง
REN [ชื่อไฟล์เดิมล [ชื่อไฟล์ใหม่]
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง


C:REN BOS.DOC ANN.DOC เปลี่ยนชื่อไฟล์ BOS.DOC ในไดรว์ C เป็น ANN.DOC
C:REN C:MAYABOS.DOC PEE.DOC เปลี่ยนชื่อไฟล์ BOS.DOC ในไดเร็คทอรี MAYA ให้เป็น PEE.DOC
C:REN A:*.*TEX *.OLD เปลี่ยนส่วนขยายของไฟล์ชนิด TXT ทุกไฟล์ในไดรว์ A ให้เป็น OLD


SCANDISK
คำสั่ง SCANDISK เป็นคำสั่งตรวจสอบพื่นที่ฮาร์ดดิสก์ สามารถใช้ในการตรวบสอบปัญหาต่าง ๆ ได้ และเมื่อ SCANDISK ตรวจพบปํญหา จะมีทางเลือกให้ 3 ทางคือ FIX IT , Don't Fix IT และ More Info ถ้าไม่เข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นให้เลือก More Info เพื่อขอข้อมูลเพิ่มก่อนตัดสินใจต่อไป
ถ้าเลือก FIX IT จะเป็นการสั่งให้ Scandisk ทำการแก้ไขปัญหาที่พบ ถ้าการซ่อมแซมสำเร็จโปรแกรมจะมีรายงานที่จอภาพให้ทราบ ส่วน Don't Fix IT คือให้ข้ามปัญหาที่พบไปโดยไม่ต้องทำการแก้ไข
รูปแบบคำสั่ง
SCANDISK [Drive:]/AUTOFIX
/AUTOFIX ให้แก้ไขปัญหาโดยอัตโนมัติ
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง


A:>SCANDISK C: ทำการตรวจสอบปัญหาในไดรว์ C
A:>SCANDISK D:/AUTOFIX ทำการตรวจสอบปัญหาในไดรว์ D และแก้ไขอัตโนมัต
Type คำสั่งดูข้อมูลในไฟล์
Type เป็นคำสั่งที่ใช้แสดงเนื้อหาภายในไฟล์บนจอภาพ คำสั่งนี้จะใช้ได้กับไฟล์แบบ Text ส่วนไฟล์โปรแกรมต่าง ๆ จะไม่สามารถอ่านได้
รูปแบบคำสั่ง
TYPE [ชื่อไฟล์ที่ต้องการอ่าน]
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง


C:>Type AUTOEXEC.BAT แสดงเนื้อหาภายในไฟล์ AUTOEXEC.BAT
C:>NORTONTYPE README.TXT แสดงเนื้อหาภายในไฟล์ README.TXT ในไดเร็คทอรี NORTON


XCOPY คำสั่งคัดลอกทั้งไดเร็คทอรีและทั้งหมดในไดเร็คทอรี
XCOPY เป็นคำสั่งที่ใช้ในการคัดลอกไฟล์ได้เหมือนคำสั่ง COPY แต่ทำงานได้เร็วกว่า และสามารถคัดลอก ได้ทั้งไดเร็คทอรีและไดเร็คทอรีย่อย
รูปแบบคำสั่ง
XCOPY [ต้นทาง] [ปลายทาง] /S /E
/E ให้คัดลอกไดเร็คทอรีย่อยทั้งหมดรวมถึงไดเร็คทอรีย่อยที่ว่างเปล่าด้วย
/S ให้คัดลอกไดเร็คทอรีย่อยที่ไม่ว่างเปล่าทั้งหมด
ตัวอย่างการใช้คำสั่ง


C:>XCOPY BACKUP F: /S /E คัดลอกทุกไฟล์และทุกไดเร็คทอรีย่อย BACKUP ไปไว้ในไดรว์ F
C:>PRINCE>XCOPY *.VSD A: คัดลอกทุกไฟล์ที่มีนามสกุล VSD ในไดเร็คทอรี PRINCE ไปที่ไดรว์ A


ข้อความแจ้งปัญหาในดอส


ในการทำงานบนดอสบางครั้งก็เกิดปัญหาได้บ่อย ๆ เหมือนกัน ซึ่งการเกิดปัญหาแต่ละครั้งก็จะมีข้อความแจ้งให้ทราบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น มีสาเหตุจากอะไร ต่อไปนี้เป็นข้อความแจ้งปัญหาที่มักพบได้บ่อย ๆ มีดังนี้
Abort, Retry, Fail ?
จะพบได้ในการณีที่ไดรว์ไม่มีแผ่นดิสก์อยุ่แล้วเรียกใช้ข้อมูลจากไดรว์นั้น การแก้ไขก็นำแผ่นดิสก์ที่ต้องการใช้มาใส่เข้าไป


กดปุ่ม < R > (Retry) : การทำงานจะทำต่อจากงานที่ค้างอยู่ก่อนเกิดความผิดพลาด
กดปุ่ม < A > (Abort) : รอรับคำสั่งจะไปอยู่ในไดรว์ที่สั่งงานล่าสุด
กดปุ่ม < F > (Fail) : เมื่อต้องการยกเลิกการทำงาน และเปลี่ยนไดรว์ใหม่


Bad Command or file name : ใช้คำสั่งผิดหรือไฟล์ที่เรียกใช้งานนั้นไม่สามารถเรียกใช้ได้ การแก้ไข ตรวจสอบบรรทัดคำสั่งว่าถูกต้องหรือไม่ เช่น พิมพ์คำสั่งหรือชื่อไฟล์ถูกต้องหรือไม่ แล้วลองรันคำสั่งดูใหม่อีกครั้ง อาจเกี่ยวข้องกับเวอร์ชันของดอสไม่มีคำสั่งนั้นก็ได้


File not found : ไม่สามารถหาไฟล์นั้นพบ อาจไม่มีไฟล์นั้น หรืออาจพิมพ์ชื่อไฟล์นั้นนผิดจากที่ต้องการ นอกจากนี้อาจเกิดจากพาธ (Path) ที่สั่งงานไม่มีไฟล์นั้น


Insufficient memory หรือ Out of memory Insufficient memory : หน่วยความจำไม่พอต่อความต้องการของโปรแกรม


Out of memory : โปรแกรมเริ่มทำงานไปแล้วบางส่วนแล้วหน่วยความจำไม่พอ ระบบจึงต้องแจ้งให้ผู้ใช้ทราบ


Directory already exits : เกิดขึ้นเมื่อสร้างไดเร็คทอรีแล้วไปซ้ำกับซื่อที่มีอยู่แล้วในพาธเดียวกัน


Duplicate file ot file not found : ถ้าเปลี่ยนชื่อไฟล์ไปซ้ำกับชื่อที่มีอยู่จะทำไม่ได้และจะแจ้งเตือนดังข้อความดังกล่าว


InSufficient Disk space : ข้อความนี้จะเกิดขึ้นเมื่อดิสก์ไม่เพียงพอต่อการเก็บข้อมูล วิธีแก้ ลองใช้ดิสก์อื่นหรือลบไฟล์ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ออก

การคำนวน IP และ Subnet Mask

เรามาทำความรู้จักกับ IP Address Class ต่างๆกันก่อน จะมีทั้งหมด 5 Class แต่ที่นิยมใช้ทั่วไปจะมีอยู่ 3 Class


เพื่อง่ายต่อการทำความเข้าใจ ( 1 byte = 8 bit)

Class A
 จะถูกกำหนดให้กับระบบเครือข่ายที่มีขนาดใหญ่มากที่มีจำนวน Computer อยู่เป็นจำนวนมาก
- Byte แรก( 8 bit) จะถูกกันไว้เป็น Network Address และ 3 Byte(24 bit) ที่เหลือ จะถูกใช้เป็น Host Address
- bit ใน Byte แรกจะต้องมีค่าเป็น ศูนย์ เสมอ ส่วนอีก 7 bitที่เหลือใน Byte แรกจะถูกใช้คำนวนเป็น            Network Adress

- ถ้า Byte แรกเป็น 1 - 126 แสดงว่าเป็น IP Address Class A
- และจะมี Subnet Mask เป็น 255.0.0.0
เลขฐานสอง 11111111.00000000.00000000.00000000


Class B
มักถูกนำไปใช้ใน Network -ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ที่มี Computer มากพอสมควร
- 2 Byte (16 bit) แรกจะถูกใช้เป็น Network Address และอีก  2 Byte (16 bit) จะถูกใช้เป็น Host Address
- 2 bit แรกใน Byte แรก จะต้องมีค่าเป็น 1 0 ตามลำดับ ส่วนอีก 14bit ที่เหลือใน 2 byte แรกจะถูกใช้คำนวนเป็น Network Address

- ถ้า Byte แรกเป็น 128 - 191 แสดงว่าเป็น IP Address Class B
- และจะมี Subnet Mask เป็น 255.255.0.0
เลขฐานสอง 11111111.11111111.00000000.00000000


Class C
มักถูกกำหนดให้กับระบบ Network ที่มีขนาดเล็ก และมี Computer ไม่มากนัก
- 3 Byte แรก (24bit) จะถูกใช้เป็น Network Address และส่วน Byte(8 bit) สุดท้ายจะใช้เป็น Host Address
- 3 bit ใน Byte แรก จะต้องมีค่าเป็น 1 1 0 ตามลำดับ ส่วน 21bit ที่เหลือจะถูกใช้คำนวนเป็น Network Address
- ถ้า Byte แรกเป็น 192 - 223 แสดงว่าเป็น IP Address Class C
- และจะมี Subnet Mask เป็น 255.255.255.0
เลขฐานสอง 11111111.11111111.11111111.00000000


Class D
จะไม่ถูกกำหนดมาใช้กับ Computer ทั่วไป แต่จะใช้สำหรับการส่งข้อมูลแบบมัลติคาสก์(Multicast)ของ Application(ซึ่งเป็นการส่งจากเครื่องต้นทางหนึ่งไปยังกลุ่มของเครื่องปลายทางกลุ่มหนึ่ง แต่ไม่ใช่ทุกเครื่องใน Network segment นั้น)

Class E
เป็น Address ที่ถูกสงวนไว้ ยังไม่ได้ถูกใช้งานจริง แต่อาจถูกใช้ในอนาคต
 เมื่อทำความรู้จักกับ Class ของ IP กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต่อจากนี้เราก็จะเริ่มเข้าสู่เนื้อหาของการคำนวน
สูตรนี้ได้มาจากเพื่อนคนหนึ่งที่ได้รู้จักผ่าน Web Broad แห่งหนึ่ง =  =* ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าเป็นใคร เจอที่ใหนและจะพูดทำไม

 255.255.255.255 ในแต่ละByteจะเท่ากับ 8 bit
 255.255.255.255  เมื่อรวมทั้งหมดก็จะเท่ากับ 32 bit


เริ่มจากโจทย์ 192.168.1.43 /27
จากโจทย์ให้มาสังเกตที่ Byte แรก คือ 192 เราจะรู้ได้เลยว่าเป็น IP Class C
- ซึ่ง Class  C จะเริ่มต้นที่ 24 bit รู้ได้อย่างไร
255.255.255.0     3 byte แรกที่เป็นสีแดงมีจำนวนเท่ากับ 24 bit(1Byte=8bit)


โดยโจทย์ ให้มา 27 ให้เราเอา bit เริ่มต้นของ Class มาลบ


     27  -  24  =  3


หรือ

255.255.255.XXX
[8]+ [8]+ [8]+[3]= 27

บรรทัดบน คือ Subnet Mask
บรรทัดล่าง คือจำนวน Host




วิธีใช้คือ
หลังจากที่เราคำนวนได้ bit มาแล้วคือ 3
ให้นับไป 3 ช่องจากซ้ายไปขวา ดังนั้น /27 = 224 ดังนั้น Subnet Mask คือ 255.255.255.224

ต่อมาคือกาารหาจำนวนของ  Available Host
นับไป 3 ช่องเหมือนเดิมแต่เราจะมาดูบรรทัดล่างแทนก็คือบรรทัดที่ 2 จะได้ 32 Host
ดังนั้น Block Size (หรือจำนวน Host) เท่ากับ 32

ต่อมาเราก็มาหากันต่อว่า 43 จากโจทย์ 192.168.1.43 มันอยู่ตรงส่วนใหนของ Block
การทำ Summarize คือการซอย network ให้เล็กลง
Subnet หนึ่ง จะมี 256 IP เอามาซอยตามจำนวน Host ที่ได้มาคือ 32

โดยการ + ทีละ 32 หรือแล้วแต่วิธีการของแต่ละคน หรือ ท่องแม่ 32 จนถึง 256
เริ่มต้นที่  0,32,64,96,128,160,192,224
ตัวที่เรานับคือ Block ในแต่ละ Block
Block 0, Block 32, Block 64 ,Block 128, Block 160, Block 192, Block224
ดังนั้น 43 จะอยู่ใน Block 32
IP ใน Block 32  ก็คือ IP 32 ถึง IP 63

ต่อมาเราจะตัด IP ส่วนหัวและท้ายที่เป็น Network IP และ Broadcast หรือเรียกรวม Subnet Zero
ตัวที่ตัดก็คือ 32 กับ 63
ซึ่ง 32 ก็คือ Network IP
      63 ก็คือ Broadcast
ส่วน IP ที่ใช้งานได้ หรือที่เรานำมาแจก Client
ก็คือ IP 33  ถึง 62


ปกติ IP ที่หัวท้ายของ Block จะไม่สามารถใช้งานได้
ซึ่ง Cisco จะเรียกว่า Subnet Zero (ถ้าเอาไปคำนวนในเลขฐาน 2 จะเท่ากับ 00000000 )
เพราะส่วนหัวจะเป็น Network IP ประจำ Block
          ส่วนท้ายจะเป็น Broadcast ประจำ Block
สรุปคือ
   Network IP  คือ 192.168.1.32
    Broadcast   คือ  192.168.1.63
และ IP ที่สามารถใช้งานได้ใน Block นี้คือ 192.168.1.33 ถึง 192.168.1.62/27

OSI 7 Layer

Osi 7 Layer เป็นมาตราฐานการสื่อสาร Computer ย่อมาจาก Open System Interconnection ซึ่งมีแบบการจำลองการเชื่อมต่อระหว่าง Computer เครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่ง
โดยเริ่มจากการทำงานจาก Layer ที่ 7

โดยเริ่มจากการทำงานจาก Layer ที่ 7 คือ
      Application  Layer  (Telnet, HTTP,FTP,WWW,NFS,SMPT,SNMP)
เป็นตัวกำหนด Interface ระหว่าง Application ที่ทำงานบน Computer กับ Software สื่อสารต่างๆ ที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี ก็คือ Browser ต่างๆ 

      Presentation Layer (Binary,JPEG,ASCII,EBCDIC,TIFF,GIF,MPEG,Encyption)
จะเป็นตัวกำหนด Format ในการสื่อสาร รวมถึงการเข้ารหัสด้วย


      Session Layer (RPC,SQL,NFS,NetBios,Window Socket,DECnet SCP)
 เป็นตัวกำหนดการสื่อสารจากต้นทางไปยังปลายทางแบบ End to End  และยังเป็นตัวควบคุมขั้นตอนการทำงานของ Protocal ในระดับ Transport และ Network


      Transport Layer (TCP,UDP,SPX)
หน้าที่หลักของ Layer นี้คือแบ่งข้อมูลใน Layer บนให้พอเหมาะกับการจัดส่งไปใน Layer ล่าง (segmenttation)  และ ทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลและประกอบ ข้อมูลที่ได้รับมาจาก Layer ล่าง(assembly), แก้ไขปัญหาเมื่อเกิดข้อผิดพลาดในระหว่างการส่งข้อมูล(error recovery)


      Network Layer (IP,IPX)
มีหน้าที่หลักในการส่ง Packet จากเครื่องต้นทางไปยังเครื่องปลายทางและจะมีการกำหนด Logical Address ขึ้นมาบน Computer เพื่อใช้ระบุตัวตน , Protocal ใน Layer นี้ก็คือ Protoca IP และLogical Address ที่ใช้ก็คือหมายเลข IP Address , หน่วยของการรับส่งข้อมูลก็คือ Packet

  
    Datalink Layer  (Ethernet,Token Ring,IEEE 802.3/202.2,Frame Relay,HDLC,FDDI,ATM)
การสื่อสารใน layer นี้ จะมีการระบุหมายเลข Address ที่เครื่องต้นทางและปลายทาง ที่เรารู้จักกันดีก็คือ MAC Address เป็นตัวเลข 6 Byte 3Byte แรกจะได้รับการจัดสรรจากองค์กรกลาง IEEE ส่วนอีก 3 Byte จะเป็นของผู้ผลิตแต่ละรายเป็นผู้กำหนด Protocal Layer นี้คือ Ethernet, Token Ring, FDDI) ผู้เกี่ยวข้องกับ Layer นี้ก็คือ บริษัทผุ้ผลิต Networkcard ที่ใช้ติดตั้งใน Computer

   
     Physical Layer (EIA/TIA-232,V.35,EIA/TIA-449,RJ-45)
 จะเป็นตัวกำหนดมาตราฐานของสัญญาณทางไฟฟ้าและมาตราฐานของ Connecterเชื่อมต่อต่างๆ เกี่ยวข้องกับสาย Cable และการ wiring สายโดยตรง เช่น สาย Fiber Optic, UTP,CAT,CAT5,CAT5E,CAT6




บทนำ

สิ่งที่จะเกิดขึ้นใน Blog นี้ก็มีเรื่องราวมากมายหลายอย่างสัพเพเหระไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ IT ที่เกี่ยวข้องกับ Hardware หมายถึงตัวอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับ PC หรือว่าจะเป็นที่ตัว Software ที่เราเรียกกันว่าProgram
แต่ส่วนใหญ่แล้วก็น่าจะเป็นบันทึกประจำวันและการทบทวนของผู้เขียนเองซะมากกว่า แต่ก็ขอบอกว่าจะพยายามเน้นในเรื่องของสาระให้มากที่สุด^^ (บทความที่เกี่ยวข้องกับ Cisco ทั้งหมดไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้เกิดความเสียหายหรือใช้ในการหารายได้แต่อย่างได เป็นการสรุปและการทบทวนของเจ้าของ Blog เท่านั้นเพื่อใช้ในการสอบ CCNA ปัจจุบันยังไม่มี Cert ตัวนี้ สำหรับเพื่อนๆที่อยากได้ความรู้และเนื้อหาที่สมบูรณ์ของหนังสือเล่มนี้ รายละเอียด"เรียนรู้ระบบเน็นเวิร์กจากอุปกรณ์ของ Cisco ภาคปฏิบัติ"หาซื้อได้ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไปราคา 420 บาท ถ้าซื้อที่ ซีเอ็ด แนะนำคนที่ใช้ sim ของ AIS มีส่วนลด 20%)