วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554

การคำนวน IP และ Subnet Mask

เรามาทำความรู้จักกับ IP Address Class ต่างๆกันก่อน จะมีทั้งหมด 5 Class แต่ที่นิยมใช้ทั่วไปจะมีอยู่ 3 Class


เพื่อง่ายต่อการทำความเข้าใจ ( 1 byte = 8 bit)

Class A
 จะถูกกำหนดให้กับระบบเครือข่ายที่มีขนาดใหญ่มากที่มีจำนวน Computer อยู่เป็นจำนวนมาก
- Byte แรก( 8 bit) จะถูกกันไว้เป็น Network Address และ 3 Byte(24 bit) ที่เหลือ จะถูกใช้เป็น Host Address
- bit ใน Byte แรกจะต้องมีค่าเป็น ศูนย์ เสมอ ส่วนอีก 7 bitที่เหลือใน Byte แรกจะถูกใช้คำนวนเป็น            Network Adress

- ถ้า Byte แรกเป็น 1 - 126 แสดงว่าเป็น IP Address Class A
- และจะมี Subnet Mask เป็น 255.0.0.0
เลขฐานสอง 11111111.00000000.00000000.00000000


Class B
มักถูกนำไปใช้ใน Network -ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ที่มี Computer มากพอสมควร
- 2 Byte (16 bit) แรกจะถูกใช้เป็น Network Address และอีก  2 Byte (16 bit) จะถูกใช้เป็น Host Address
- 2 bit แรกใน Byte แรก จะต้องมีค่าเป็น 1 0 ตามลำดับ ส่วนอีก 14bit ที่เหลือใน 2 byte แรกจะถูกใช้คำนวนเป็น Network Address

- ถ้า Byte แรกเป็น 128 - 191 แสดงว่าเป็น IP Address Class B
- และจะมี Subnet Mask เป็น 255.255.0.0
เลขฐานสอง 11111111.11111111.00000000.00000000


Class C
มักถูกกำหนดให้กับระบบ Network ที่มีขนาดเล็ก และมี Computer ไม่มากนัก
- 3 Byte แรก (24bit) จะถูกใช้เป็น Network Address และส่วน Byte(8 bit) สุดท้ายจะใช้เป็น Host Address
- 3 bit ใน Byte แรก จะต้องมีค่าเป็น 1 1 0 ตามลำดับ ส่วน 21bit ที่เหลือจะถูกใช้คำนวนเป็น Network Address
- ถ้า Byte แรกเป็น 192 - 223 แสดงว่าเป็น IP Address Class C
- และจะมี Subnet Mask เป็น 255.255.255.0
เลขฐานสอง 11111111.11111111.11111111.00000000


Class D
จะไม่ถูกกำหนดมาใช้กับ Computer ทั่วไป แต่จะใช้สำหรับการส่งข้อมูลแบบมัลติคาสก์(Multicast)ของ Application(ซึ่งเป็นการส่งจากเครื่องต้นทางหนึ่งไปยังกลุ่มของเครื่องปลายทางกลุ่มหนึ่ง แต่ไม่ใช่ทุกเครื่องใน Network segment นั้น)

Class E
เป็น Address ที่ถูกสงวนไว้ ยังไม่ได้ถูกใช้งานจริง แต่อาจถูกใช้ในอนาคต
 เมื่อทำความรู้จักกับ Class ของ IP กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต่อจากนี้เราก็จะเริ่มเข้าสู่เนื้อหาของการคำนวน
สูตรนี้ได้มาจากเพื่อนคนหนึ่งที่ได้รู้จักผ่าน Web Broad แห่งหนึ่ง =  =* ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าเป็นใคร เจอที่ใหนและจะพูดทำไม

 255.255.255.255 ในแต่ละByteจะเท่ากับ 8 bit
 255.255.255.255  เมื่อรวมทั้งหมดก็จะเท่ากับ 32 bit


เริ่มจากโจทย์ 192.168.1.43 /27
จากโจทย์ให้มาสังเกตที่ Byte แรก คือ 192 เราจะรู้ได้เลยว่าเป็น IP Class C
- ซึ่ง Class  C จะเริ่มต้นที่ 24 bit รู้ได้อย่างไร
255.255.255.0     3 byte แรกที่เป็นสีแดงมีจำนวนเท่ากับ 24 bit(1Byte=8bit)


โดยโจทย์ ให้มา 27 ให้เราเอา bit เริ่มต้นของ Class มาลบ


     27  -  24  =  3


หรือ

255.255.255.XXX
[8]+ [8]+ [8]+[3]= 27

บรรทัดบน คือ Subnet Mask
บรรทัดล่าง คือจำนวน Host




วิธีใช้คือ
หลังจากที่เราคำนวนได้ bit มาแล้วคือ 3
ให้นับไป 3 ช่องจากซ้ายไปขวา ดังนั้น /27 = 224 ดังนั้น Subnet Mask คือ 255.255.255.224

ต่อมาคือกาารหาจำนวนของ  Available Host
นับไป 3 ช่องเหมือนเดิมแต่เราจะมาดูบรรทัดล่างแทนก็คือบรรทัดที่ 2 จะได้ 32 Host
ดังนั้น Block Size (หรือจำนวน Host) เท่ากับ 32

ต่อมาเราก็มาหากันต่อว่า 43 จากโจทย์ 192.168.1.43 มันอยู่ตรงส่วนใหนของ Block
การทำ Summarize คือการซอย network ให้เล็กลง
Subnet หนึ่ง จะมี 256 IP เอามาซอยตามจำนวน Host ที่ได้มาคือ 32

โดยการ + ทีละ 32 หรือแล้วแต่วิธีการของแต่ละคน หรือ ท่องแม่ 32 จนถึง 256
เริ่มต้นที่  0,32,64,96,128,160,192,224
ตัวที่เรานับคือ Block ในแต่ละ Block
Block 0, Block 32, Block 64 ,Block 128, Block 160, Block 192, Block224
ดังนั้น 43 จะอยู่ใน Block 32
IP ใน Block 32  ก็คือ IP 32 ถึง IP 63

ต่อมาเราจะตัด IP ส่วนหัวและท้ายที่เป็น Network IP และ Broadcast หรือเรียกรวม Subnet Zero
ตัวที่ตัดก็คือ 32 กับ 63
ซึ่ง 32 ก็คือ Network IP
      63 ก็คือ Broadcast
ส่วน IP ที่ใช้งานได้ หรือที่เรานำมาแจก Client
ก็คือ IP 33  ถึง 62


ปกติ IP ที่หัวท้ายของ Block จะไม่สามารถใช้งานได้
ซึ่ง Cisco จะเรียกว่า Subnet Zero (ถ้าเอาไปคำนวนในเลขฐาน 2 จะเท่ากับ 00000000 )
เพราะส่วนหัวจะเป็น Network IP ประจำ Block
          ส่วนท้ายจะเป็น Broadcast ประจำ Block
สรุปคือ
   Network IP  คือ 192.168.1.32
    Broadcast   คือ  192.168.1.63
และ IP ที่สามารถใช้งานได้ใน Block นี้คือ 192.168.1.33 ถึง 192.168.1.62/27

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น